Magzio
Home » Magzio
Magzio
Magzio
MagZIO Gastrointestinal Detoxifier

แม็กซีโอ (แมกนีเซียมซีโอไลท์) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกเตรียมโดยเทคโนโลยีขั้นสูงภายใต้กระบวนการที่ใช้อุณหภูมิสูงเพื่อให้ได้คีเลตที่มีรูพรุน จึงทำให้สามารถกักสารโลหะหนัก ซึ่งเป็นพิษในระบบทางเดินอาหารไว้และขับออกจากร่างกายทางลำไส้ใหญ่

คุณสมบัติทางเคมีของธาตุแมกนีเซียมเมื่อเปรียบกับธาตุชนิดอื่น แมกนีเซียมมีความเสถียรในรูปแบบของสารละลาย และว่องไวในการทำปฏิกิริยาเคมีดังนั้นแมกนีเซียมคีเลต จึงเป็นคีเลตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ในแมกนีเซียม อีดีทีเอ ที่ถูกแทนที่ด้วยอิออนของโลหะหนักจะถูกปลดปล่อยเข้าสู่ร่างกาย เพื่อทำหน้าที่สำคัญในระบบต่างๆได้แก่ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ระบบภูมิคุ้มกันและกลไกต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเอนไซม์เกือบทุกชนิด

Magnesium ที่ถูกแทนที่ด้วยอิออนของโลหะหนัก และจะถูกปลดปล่อยเข้าสู่ร่างกาย ทำหน้าที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย แมกนีเซียมในกระแสเลือดเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำลายเชื้อหรือสิ่งแปลกปลอม

ด้วยระบบคอมพลีเมนท์ร่วมกับภูมิคุ้มกันสารน้ำ (Antibody) ถ้าร่างกายขาดแมกนีเซียมการทำงานของระบบคอมพลีเมนท์จะไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่จากแร่ธาตุ Zeolite ผ่านกระบวนการเทคโนโลยีขั้นสูงเป็น Magnesium -Zeolite มีลักษณะเป็น รูพรุน สามารถดูดซับโลหะหนักที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร (GI tract) ได้เป็นอย่างดี และมีความปลอดภัยอย่างสูง

ข้อบ่งใช้

ใช้จำกัดสารพิษโลหะหนักในกระแสเลือด

คำแนะนำ

1. ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการจำกัดโลหะหนักในร่างกาย

2. ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการป้องกัน หรือชะลอความเสี่ยงของร่างกายจากโลหะหนักและอนุมูลอิสระ

วิธีใช้

- ก่อนอาหาร 30 นาที ขณะท้องว่าง 2-3 แคปซูล/ครั้ง

- ควรใช้เสริมวิตามิน แร่ธาตุสังกะสี (Zing 15-30 mf/day) และควรดื่มน้ำมากๆ

- ผู้ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของตับ และไต สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2  วัน

- รับประทานต่อเนื่อง 3 เดือน

ผลข้างเคียง

- อาการคลื่นไส้ ไม่สบายท้อง

- อาจมีการอ่อนเพลียในช่วงแรกที่ทำเพราะสารพิษโลหะหนักถูกขับออกมา

ข้อควรระวัง

- ผู้ป่วยที่ต้องทำการฟอกไตไม่ควรทำคีเลชั่นบำบัดแม้ว่าจะสามารถทำได้หากอาการไม่กำเริบก็ตาม

- ผู้ที่มีภาวะไตวาย หรือไตทำงานบกพร่อง ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เนื่องจาก โลหะหนักที่จับกับสารคีเลตจะถูกขับออกทางปัสสาวะ โดยผ่านทางไต หากไตไม่สามารถขับโลหะหนัก ออกไปกับน้ำปัสสาวะได้จะเกิดการสะสมของโลหะหนักที่ไต

- ห้ามใช้การทำคีเลชั่นบำบัดด้วย EDTA กับผู้ป่วยที่อาการแพ้รุนแรง และควบคุมไม่ได้ต่อ EDTA หรือมีอาการสมองผิดปกติจากตะกั่วเฉียบพลับ(Acute lead encephalopathy)

- ไม่ควรใช้ในหญิงมีครรภ์ และผู้ที่มีภาวะการณ์ทำงานของตับบกพร่อง

- ในกรณีอื่นๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์