คือการให้ยาหรือสารเคมีเข้าไปในร่างกายเพื่อกำจัด สารพิษโลหะหนัก เช่น สารตะกั่ว สารปรอท สารหนู สารแคดเมียม สารอลูมินัม
และสารพิษโลหะที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแต่ไม่อยู่ ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น เช่น ธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสีที่จับอยู่ในผนังหลอดเลือดและอวัยวะต่างๆ ให้ออกจากร่างกาย
ซึ่งสารเหล่านี้ได้รับเข้าสู่ร่างกาย โดยผ่านหลายช่องทาง ทั้งจากการบริโภคเข้าไป กับอาหาร และการได้รับเข้าสู่ร่างกายจากสภาวะ แวดล้อมที่เป็นพิษด้วยแนวคิดดังกล่าว
แพทย์และ นักวิชาการทั่วโลกจึงได้พัฒนาศาสตร์ที่เรียกว่า "คีเลชั่นบำบัด" ขึ้นและให้บริการในประเทศพัฒนา แล้วเช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย เป็นต้น
ที่มา ... สมาคมการแพทย์คีเลชั่นไทย หรือ CMAT
IV Chelation Therapy (คีเลชั่นบำบัด ทางหลอดเลือดดำ)
คือการกำจัดสารพิษโลหะหนักออกจากร่างกายเพื่อลดสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ เช่น การอักเสบของหลอดเลือด ลดการเกิดภาวะลิ่มเลือด โดยใช้สารประกอบประเภทกรดอะมิโนที่เรียกว่า Ethylenediaminetetraacetic Acid (EDTA) ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ
โดย EDTA สามารถจับสารพิษโลหะหนักขับออกมาทางปัสสาวะจึงไม่มีการสะสมในร่างกาย ซึ่งต้องควบคุมโดยแพทย์ ซึ่งผ่านการอบรมและอนุมัติโดยสมาคมการแพทย์คีเลชั่นไทยเท่านั้น
โดยสมาคมฯรับรองให้ใช้ EDTA สองสูตรแนะนำคือ Calcium Disodium EDTA และ Disodium EDTA
CHELATION RESEARCH
จากรายงานการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ ของสมาคมการแพทย์อเมริกา เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2556 (JAMA) เปิดเผยว่า ผู้ป่วยโรคหัวใจที่ได้รับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน ร่วมกับคีเลชั่นบำบัด มีแนวโน้มที่จะดีกว่าการรักษาด้วยยาแต่เพียงอย่างเดียว ศ.นพ. เกอวาสิโอ ลามาส หัวหน้าแผนกอายุรศาสตร์โรคหัวใจแห่งศูนย์การแพทย์เมาท์ ไซนาย มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มลรัฐฟลอริดา ในฐานะหัวหน้าคณะนักวิจัย ได้ออกมาเปิดเผยผลการศึกษาครั้งใหญ่ ของสำนักงานสุขภาพแห่งชาติ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่า “คีเลชั่นบำบัด เมื่อให้ร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน มีความปลอดภัย และได้ผลจริง”
DMSA : Dimercapto succimic acid
Oral Chelation
DMSA สามารถจับสารพิษโลหะหนักโดยเฉพาะปรอท และ ตะกั่ว พร้อมทั้งยังมีความสามารถในการเข้าจับสารพิษโลหะหนักในสมอง (Blood Brain Barrier) ได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากโดยส่วนใหญ่ปรอทจะเก็บสะสมที่เนื้อเยื่อ โดยเฉพาะเนื้อเยื่อสมองDMSA สามารถดูดซึมเข้าผ่านทางเดินอาหารได้ และยังมีคุณสมบัติช่วยปรับค่ากลูต้าไธโอนในเม็ดเลือดแดง
(Research Article : Safety and efficacy of oral DMSA therapy for children with autism spectrum disorder : Part A – Medical results, 2009 )
Magzio
MagZIO Gastrointestinal Detoxifier
แม็กซีโอ (แมกนีเซียมซีโอไลท์) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกเตรียมโดยเทคโนโลยีขั้นสูงภายใต้กระบวนการที่ใช้อุณหภูมิสูงเพื่อให้ได้คีเลตที่มีรูพรุน จึงทำให้สามารถกักสารพิษโลหะหนัก ซึ่งเป็นพิษในระบบทางเดินอาหารไว้และขับออกจากร่างกายทางลำไส้ใหญ่
คุณสมบัติทางเคมีของธาตุแมกนีเซี่ยมเมื่อเปรียบกับธาตุชนิดอื่น แมกนีเซียมมีความเสถียรในรูปแบบของสารละลาย และว่องไวในการทำปฏิกิริยาเคมีดังนั้นแมกนีเซียมคีเลต จึงเป็นคีเลตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ในแมกนีเซียม อีดีทีเอ ที่ถูกแทนที่ด้วยอิออนของโลหะหนักจะถูกปลดปล่อบเข้าสู่ร่างกาย เพื่อทำหน้าที่สำคัญในระบบต่างๆได้แก่ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ระบบภูมิคุ้มกันและกลไกต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเอนไซม์เกือบทุกชนิด
คำแนะนำ
1. ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการจำกัดสารพิษโลหะหนักในร่างกาย
2. ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการป้องกัน หรือชะลอความเสี่ยงของร่างกายจากสารโลหะหนักและอนุมูลอิสระ
วิธีใช้
- ก่อนอาหาร 30 นาที ขณะท้องว่าง 2-3 แคปซูล/ครั้ง
- ควรใช้เสริมวิตามิน แร่ธาคุสังกะสี (Zing 15-30 mf/day) และควรดื่มน้ำมากๆ
- ผู้ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของตับ และไต สามารถใช้ผลตภัณฑ์ได้อย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2 วัน
- รับประทานต่อเนื่อง 3 เดือน
ผลข้างเคียง
- อาการคลื่นไส้ ไม่สบายท้อง
- อาจมีการอ่อนเพลียนช่วงแรกที่ทำเพราะสารพิษโลหะหนักถูกขับออกมา
ข้อควรระวัง
- ผู้ป่วยที่ต้องทำการฟอกไตไม่ควรทำคีเลชั่นบำบัดแม้ว่าจะสามารถทำได้หากอาการไม่กำเริบก็ตาม
- ผู้ที่มีภาวะไตวาย หรือไตทำงานบกพร่อง ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เนื่องจาก โลหะหนักที่จับกับสารคัเลตจะถูกขับออกทางปัสสาวะ โดยผ่านทางไต หากไตไม่สามารถขับโลหะหนัก ออกไปกับน้ำปัสสาวะได้จะเกิดการสะสมของโลหะหนักที่ไต
- ห้ามใช้การทำคีเลชั่นบำบัดด้วย EDTA กับผู้ป่วยที่อาการแพ้รุนแรง และควบคุมไม่ได้ต่อ EDTA หรือมีอาการสมองผิดปกติจากตะกั่วเฉียบพลับ(Acute lead encephalopathy)
- ไม่ควรใช้ในหญิงมีครรภ์ และผู้ที่มีภาวการณ์ทำงานของตับบกพร่อง
- ในกรณีอื่นๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
MagEDTA : Edatamyl Magnesium
Oral Chelation
แมกนีเซียม-อีดีทีเอ MagEDTA (EDATAMYL MAGNESIUM) และ
Natural Magnesium-Zeolite (Mineral) ถูกใช้เพื่อขับสารพิษโลหะหนักในกระแสเลือด
ระบบเนื้อเยื่อ และระบบทางเดินอาหาร ซึ่งโลหะหนักต่างๆเหล่านี้เป็นสาเหตุให้เกิดความผิดปกติต่อเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ และแก้ไขสมดุลแคลเซียมไปพร้อมๆกัน
เนื่องจากแมกนีเซียมมีปฏิกิริยารวดเร็วที่สุดกับโลหะหนัก (2A Group) และเป็นแร่ธาตุที่เป็น ideal ของนักวิทยาศาสตร์ในกลุ่มคีเลชั่นบำบัด
คำแนะนำ
1. ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการจำกัดสารพิษโลหะหนักในร่างกาย
2. ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการป้องกัน หรือชะลอความเสี่ยงของร่างกายจากสารโลหะหนักและอนุมูลอิสระ
วิธีใช้
- ก่อนอาหาร 30 นาที ขณะท้องว่าง 2-3 แคปซูล/ครั้ง
- ควรใช้เสริมวิตามิน แร่ธาคุสังกะสี (Zing 15-30 mf/day) และควรดื่มน้ำมากๆ
- ผู้ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของตับ และไต สามารถใช้ผลตภัณฑ์ได้อย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2 วัน
- รับประทานต่อเนื่อง 3 เดือน
ผลข้างเคียง
- อาการคลื่นไส้ ไม่สบายท้อง
- อาจมีการอ่อนเพลียนช่วงแรกที่ทำเพราะสารพิษโลหะหนักถูกขับออกมา
ข้อควรระวัง
- ผู้ป่วยที่ต้องทำการฟอกไตไม่ควรทำคีเลชั่นบำบัดแม้ว่าจะสามารถทำได้หากอาการไม่กำเริบก็ตาม
- ผู้ที่มีภาวะไตวาย หรือไตทำงานบกพร่อง ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เนื่องจาก โลหะหนักที่จับกับสารคัเลตจะถูกขับออกทางปัสสาวะ โดยผ่านทางไต หากไตไม่สามารถขับโลหะหนัก ออกไปกับน้ำปัสสาวะได้จะเกิดการสะสมของโลหะหนักที่ไต
- ห้ามใช้การทำคีเลชั่นบำบัดด้วย EDTA กับผู้ป่วยที่อาการแพ้รุนแรง และควบคุมไม่ได้ต่อ EDTA หรือมีอาการสมองผิดปกติจากตะกั่วเฉียบพลับ(Acute lead encephalopathy)
- ไม่ควรใช้ในหญิงมีครรภ์ และผู้ที่มีภาวการณ์ทำงานของตับบกพร่อง
- ในกรณีอื่นๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์